สวรรค์ชั้นต่าง ๆ
ถ้าการทำบุญของบุคคลทำบุญแล้วไม่เต็มใจนัก เขาใส่บาตรเราก็ใส่บาตร เขาไหว้พระเราก็ไหว้พระ เขาฟังสวดมนต์เราก็ฟังสวดมนต์ สักแต่ว่าทำตามเขา คนประเภทนี้ตายจากความเป็นคนเป็นภุมเทวดา เป็นเทวดาที่มีวิมานอยู่แถวภาคพื้นดิน สูงกว่าดินอยู่หน่อย มีสภาพร่างกายเป็นทิพย์ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นทิพย์เหมือนกัน
เป็นอันว่าเป็นเทวดาหางแถวก็ยังดีกว่าเป็นคนหัวแถว เพราะร่างกายทรงตัว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ทุกสิ่งทุกอย่างมีความสมบูรณ์แบบ มีความปรารถนาอะไรก็ได้สิ่งนั้นสมดังความปรารถนาด้วยกำลังของบุญ แต่ว่าทุนน้อย ต้องเป็นเทวดาชั้นต่ำ แต่ก็อย่าลืมว่า เทวดาชั้นต่ำเวลานี้เป็นพระอริยเจ้า เป็นพระอนาคามีก็มีเยอะ
คนที่ทำบุญยิ่งไปกว่านั้น ตั้งใจรักษาศีลด้วยดี แต่ทว่าการรักษาศีลนี้ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์นัก เวลาว่างรักษาครบ แต่ว่าวันธรรมดาบางทีก็มีจิตผิดเพี้ยนไปบ้างจากศีล บางครั้งก็ทำให้ศีลมัวหมอง บางคราวศีลทะลุไปบ้างไม่ถึงขาด บางวันศีลก็แจ่มใส
คนประเภทนี้ไซร้ตายจากความเป็นคนก็กลายเป็นรุกขเทวดา มีสภาพวิมานแปะ อยู่ข้างยอดไม้ มีความสวยสดงดงามดีกว่าภุมเทวดา แต่ว่าวิมานไม่สามารถลอยอยู่บนอากาศได้ ถ้าใครเขาโค่นต้นไม้ ต้นไม้พัง วิมานของเทวดาองค์นั้นก็พัง
แต่ถ้าเขานำต้นไม้นั้นไปปักเป็นเสาบ้านหรือปักไว้เมื่อใด ก็มีสิทธิ์ที่วิมานไปแปะใหม่ได้ เมื่อวิมานพังเทวดานี้ก็เดินดินไปหาที่อยู่ใหม่ ถ้าต้นไม้ต้นใดไม่ว่างจากวิมานของรุกขเทวดาองค์อื่นท่านก็ไม่มีสิทธิ์อาศัย ท่านก็มีความลำบาก แต่ว่าการลำบากก็เป็นการลำบากอย่างเทวดา ไม่ใช่เป็นการลำบากอย่างมนุษย์ ยังมีสภาพความเป็นทิพย์ มีความอิ่มเอมเปรมใจ มีความสุขทางกายและทางใจ เว้นไว้แต่ที่อาศัยนั้นไม่มี
ต่อไปคนที่ทำบุญยิ่งไปกว่านี้คือผู้ทรงฌานสมาบัติตั้งแต่ฌานที่ 1 ถึงฌานที่ 3 แต่ทว่าเป็นกำลังไม่เท่าฌานที่ 4 ท่านผู้นี้เวลาตายแล้วไปเกิดเป็นอากาสเทวดา
แต่ว่ากำลังใจของท่านเหล่านี้เป็นกุศล ท่านผู้นี้ตายจากความเป็นคนก็ไปเป็นเทวดาเป็นอากาสเทวดาอยู่ชั้นจาตุมหาราชที่ถือว่าเป็นเทวดาที่เป็นทหารของพระอินทร์
คนที่จะเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ได้คือ
1. ถวายสังฆทาน อย่างที่ท่านพุทธบริษัททุกท่านไปถวายในชั้นนี้ จัดเป็นสังฆทาน
ประการที่ 2. สร้างวิหารทาน คือ สร้างที่อยู่ สร้างกุฏิ สร้างหอสวดมนต์ สร้างศาลา สร้างโบสถ์ สร้างศาลาที่พักอาศัยระหว่างคนเดินทาง หรือสร้างส้วมก็เหมือนกัน สร้างสะพานข้ามลำน้ำ อันนี้เป็นปัจจัยให้เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
หรือมิฉะนั้น ก็ตั้งใจรักษาอุโบสถศีลดี มีศีลมีสมาธิพอสมควรจึงจะมีโอกาสเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ถ้าจะให้ทานแบบธรรมดา ให้ทานกับชาวบ้าน อันนี้ต้องให้ทานแบบตัดชีวิต เรามีน้อยแต่ยังสามารถแบ่งให้คนอื่นกินได้ทั้ง ๆ ที่ เราก็ด้อยกว่าคนอื่น อย่างนั้นทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถที่จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้
ชั้นดาวดึงส์ นี้เป็นเมืองหลวงของเทวดาทั้ง 5 ชั้น เป็นที่รื่นรมย์ของเทวดา
และชั้นต่อไป ชั้นที่ 3 ที่เรียกว่า “ชั้นยามา” เทวดาชั้นนี้ขาวหมด ใสหมดเป็นแก้ว วิมานก็เป็นแก้วใส เครื่องประดับของเทวดาทั้งหมดก็เป็นแก้วใส ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะจิตของท่านใส เพราะว่าคนที่จะเกิดบนชั้นนี้ได้ คือ
1. ต้องเป็นนักสวดมนต์ ชอบสวดมนต์เป็นปกติ สวดมนต์วันละหลาย ๆ ครั้ง เวลาสวดมนต์ต้องตั้งใจจริง ถ้าวันไหนไม่ได้สวดมนต์ตรงตามเวลาใจไม่เป็นสุข ต้องสวดมนต์
ถ้าก่อนนอนไม่ได้สวดมนต์ก็นอนไม่หลับ เพราะจิตจับอยู่ที่มนต์ คือ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จัดเป็น อนุสสติ
หรือมิฉะนั้นท่านก็จะเจริญสมาธิ มีกำลังจิตไม่ถึงอุปจารสมาธิก็ดี ตายแล้วมาเป็นเทวดาชั้นนี้ ปฏิปทาของเทวดาชั้นนี้ก็มีอยู่ว่า เจริญกรรมฐานเป็นปกติ สวดมนต์เป็นปกติ
นี่บางคืนที่ท่านพุทธบริษัทเจริญสมาธิ ในตอนกลางคืนยามดึก ๆ พอจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิ จะได้ยินเสียงสวดมนต์ลอยมาจากอากาศ เป็นเสียงจากเทวดาชั้นนี้
ชั้นดุสิตนี้เครื่องประดับกายหลากสี ไม่สม่ำเสมอกันนัก เพราะว่าเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มแล้วนี่ประการหนึ่ง
2. เป็นที่อยู่ของพระพุทธบิดา และพระพุทธมารดาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ที่ยังไม่ได้ไปนิพพาน
3. คนที่จะมีสิทธิ์ไปเกิดบนชั้นนี้ได้ก็ต้องเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป นอกจากบุคคลทั้ง 3 เหล่านี้แล้วไม่มีสิทธิ์อยู่ในชั้นดุสิต
ฉะนั้น เทวดาชั้นดุสิตนี้ก็แปลว่า “ยิ้มแย้มแจ่มใส” มีกำลังใจมีแต่เป็นสุข ไม่มีความทุกข์ มีแต่ความรื่นเริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระโพธิสัตว์ ย่อมเป็นที่เคารพของพรหมและเทวดาทั้งหมด เวลาที่พระอินทร์ท่านจะแสดงธรรมกับบรรดาเทวดาทั้งหลายที่เทวสภา ถ้าหากพระโพธิสัตว์ว่างท่านจะอาราธนาพระโพธิสัตว์มาเทศน์
ถ้าพระโพธิสัตว์ชั้นดุสิตไม่ว่าง ก็จะดูว่าพระโพธิสัตว์ที่อยู่ชั้นพรหมมีไหม ถ้าพระโพธิสัตว์อยู่ชั้นพรหมมีท่านก็จะเชิญมาเทศน์ แต่ก็อย่าลืมว่าพระโพธิสัตว์มีจำนวนนับเป็นโกฏิ ๆ หาเวลาว่างยากเหมือนกัน เพราะท่านสงเคราะห์ในที่ทุกสถาน
ถ้าคราวใดพระโพธิสัตว์ไม่ว่าง พระอินทร์ก็เทศน์เอง เพราะว่าพระอินทร์นั้นเดิมทีท่านเป็นพระโสดาบัน เวลานี้เป็นพระอนาคามีและพร้อมที่จะไปนิพพานได้ทันที ถ้าไม่ห่วงลูกไม่ห่วงหลาน ที่ท่านยับยั้งใจไว้เพราะว่ายังห่วงลูกห่วงหลาน ยังไม่ไปนิพพาน เพราะว่าเรื่องไปนิพพานของท่านเป็นของง่าย เพราะว่าท่าน เป็นพระอริยเจ้าชั้นสูง
สำหรับเทวดาชั้นที่ 5 เรียกว่า “ชั้นนิมมานรดี” เทวดาชั้นนี้เมื่อสมัยที่เป็นมนุษย์ ในการทำสมถะหรือวิปัสสนาญาณ แล้วก็ได้อภิญญาห้า ไม่ใช่อภิญญาหก มีการแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ เป็นต้น แต่ทว่ามีนิสัยซุกซน เวลาได้แล้วก็ไม่ได้อยู่เป็นสุข จิตไม่ได้จับพระนิพพานเป็นอารมณ์ หลงนิยมในการแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ เวลาตายไปไม่ได้เข้าฌานตาย ถ้าเข้าฌานตายก็ไปเกิดเป็นพรหม ในเมื่อไม่ได้เข้าฌานตายก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ มีหน้าที่เนรมิตของทุกอย่างให้กับเทวดาชั้นที่หก
สำหรับเทวดาชั้นที่ 6 มีชื่อเรียกว่า “ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี”
เทวดาชั้นนี้เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ทรงฌาน 4 ละเอียด บางท่านก็ได้อภิญญาสมาบัติ บางท่านก็ทรงฌาน 4 อย่างเป็นสุข แต่ทว่าฌานของท่านมีอารมณ์สงัด ไม่ซุกซนเหมือนเทวดาชั้นที่ 5 แต่ว่าเวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย จึงไปเกิดเป็นเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี
ก็เป็นอันว่าจะยับยั้งไว้แค่เทวดา 5 ชั้น แถมเป็น 2 ชั้น รวมรุกขเทวดาและภุมเทวดา รวมความว่าเทวดาทุกชั้นมีพระอริยเจ้าทั้งหมด
พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์ (2552),337,38-53