ถาม : จิตของคนเรานี่เป็นพลังงานอย่างหนึ่งหรือเปล่าคะ?
ตอบ : เป็นสิจ๊ะ พลังงานมหาศาลกว่าปรมาณูอีก
ถาม : แล้วเวลาเราคิดอะไรไป ก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ?
ตอบ : เป็นจ้ะ ถึงได้ก่อให้เกิดกระแสที่เขาเรียกว่า มโนกรรม กรรมที่เกิดจากใจ จึงต้องควบคุมให้ดี ให้คิดดี พูดดี ทำดี อย่าให้คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว
เพราะว่าพลังงานนั้น นอกจากจะทำร้ายคนอื่นแล้ว ยังทำร้ายตนเองด้วย แต่ถ้าหากทำดีก็จะดีต่อตัวเราและดีต่อคนอื่นด้วย
ถาม : แสดงว่ามีผลใช่ไหมคะ ?
ตอบ : มีแน่จ้ะ
ถาม : แล้วทำไมบางครั้งจะมีไฟกลม ๆ อยู่ตรงระหว่างหน้าผาก ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจจ้ะ ตรงนั้นเป็นแหล่งพลังงานอย่างหนึ่งที่ทางด้านฮินดูเขาถือว่าเป็นจักระ คือ แหล่งพลังงานอย่างหนึ่งใน ๗ จุดใหญ่ของร่างกาย
ไม่ต้องไปใส่ใจตรงจุดนั้น ให้ใส่ใจอยู่กับลมหายใจของเรา กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ภาพหรือแสงเสียงที่ปรากฏอย่าไปใส่ใจ ถ้ามัวแต่ไปใส่ใจอยู่การปฏิบัติจะไม่ก้าวหน้า
ถาม : จะเกิดอย่างไรก็ปล่อย ?
ตอบ : จะเป็นอย่างไรช้าง แต่ของอย่างนี้แปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือ เรายิ่งไม่สนใจก็ยิ่งชัด เขาจะยั่วให้สนใจ
ถาม : แล้วทำไมคนอื่นเขาไม่เป็นแบบนี้ ?
ตอบ : แต่ละคนไม่เหมือนกันจ้ะ การปฏิบัติก็เหมือนกับคนที่เรียนหนังสือ คนนั้นเรียนสาขาวิชานั้น คนนี้เรียนสาขาวิชานี้ ในเมื่อเรียนคนละสาขา จะให้เหมือนกันก็เป็นไปไม่ได้ ยกเว้นวิชาพื้นฐานเท่านั้น
ถาม : แล้วอย่างหนูต้องปฏิบัติอย่างไรคะ ?
ตอบ : เอาอานาปานสติเป็นหลักจ้ะ เรื่องของลมหายใจเข้าออกทำให้ใจของเราไม่ฟุ้งซ่าน ส่วนการปฏิบัติในด้านอื่น ๆ เพื่อการรู้เห็นต่าง ๆ นั้น จริง ๆ แล้วเป็นของแถมของนักปฏิบัติ ถ้าเราทำถึงส่วนใหญ่จะมาเอง
ดังนั้น..ไม่ต้องไปดิ้นรนทำหรอก ประเภทอยากรู้อยากเห็นอย่างชาวบ้าน รู้เห็นมาก ๆ บางทีก็โดนหลอก..!
__________________
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี