You are currently viewing “ยึดอารมณ์พระโสดาบัน แล้วหันเข้าไปตัดอวิชชา”

“ยึดอารมณ์พระโสดาบัน แล้วหันเข้าไปตัดอวิชชา”

คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “ยึดอารมณ์พระโสดาบัน แล้วหันเข้าไปตัดอวิชชา
.. คำว่า “สมาธิ” เขาแปลว่า
“การตั้งใจ” จะตั้งใจให้จิตมันอยู่ใน
ด้านของความดี ตัวนี้มันก็เป็นสมาธิ
สมาธิเกิดเพราะศีลบริสุทธิ์ เมื่อสมาธิ
มันเกิดขึ้น จิตก็มีความเยือกเย็น
ความวุ่นวายของจิตไม่มี เมื่อจิต
มีความเยือกเย็น ตัวปัญญามันก็เกิด
การเจริญความดีในพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าต้องมี “ศีล สมาธิ
ปัญญา” จะเป็นตัวทำลายเหตุของความ
ทุกข์ ได้แก่ “สมุทัย” คือทำลาย
“กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา”
ท่านบอกต้องใช้ “มรรค ๘”
“มรรค ๘” ย่อลงมาเป็น ๓ คือ
“ศีล สมาธิ ปัญญา”
เอาละพูดแต่พอฟังได้นะ เข้าใจบ้าง
ไม่เข้าใจบ้างก็ตามใจเถอะ ให้รู้ว่าการ
ปฏิบัติของเราจะเข้าเบื้องสูง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งพระโสดาบันไม่ต้องหนักขนาดนี้
นี่พูดเลยพระโสดาบันน่ะไม่ต้องหนัก
ขนาดนี้
พระโสดาบันก็จับศีลเข้ามามัดเอาไว้
ถ้ากลัวศีลจะหล่นหายไปก็เผาไฟ
ผสมน้ำผึ้งกินไว้ในท้องเลย ใครถาม
ก็บอกว่านี่ศีล ๕ อยู่ในพุงนี่กินเรียบร้อย
แล้ว ศีลอยู่ในพุง และอีกประการหนึ่ง
เราต้องคิดอยู่เสมอว่า “โลกเต็ม
ไปด้วยความทุกข์ การเกิดเป็นความทุกข์”
เราต้องการจุดเดียวคือ “พระนิพพาน”
เพียงเท่านี้เป็นพระโสดาบันไม่ต้องใช้
ความรู้สูง เอากันตรงไปตรงมา
ต่อไปเราก็ทราบแล้วว่าการเจริญ
ความดีในพระพุทธศาสนาต้องมี
คุณธรรมครบ ๓ ประการคือมี
“ศีล สมาธิ ปัญญา” ศีลมีความสำคัญ
มาก ต้องมั่นคงจริงๆ โดยเฉพาะศีล ๕
เพราะศีล ๕ จะทรงคุณสมบัติ
ขั้นสูงได้ ๒ ขั้น คือ “พระโสดาบันกับ
พระสกิทาคามี” ไว้ได้ ถ้าว่าเป็น
พระโสดาบันหรือสกิทาคามีเมื่อใด
ขอรับรองผลว่า ตายเมื่อไหร่ไป
นิพพานเมื่อนั้น เพราะอะไร
เพราะว่า เราพูดถึงพระนิพพาน
เบื้องท้ายไว้เสมอว่า “เราไม่ต้องการ
เป็นมนุษย์ เทวดา หรือพรหม” ตัวนี้
เป็นตัวตัด “อวิชชา” ตัดสังโยชน์
ตัวสุดท้าย “ถ้าตัดอวิชชาได้เมื่อไหร่
ก็ไปพระนิพพานเมื่อนั้น” เห็นถามของ
กล้วยๆ หากินแค่นี้ถมไป
หรือใครไม่เชื่อก็ลองตายเวลานี้ก็ได้
ลองตายไปถ้าไปไม่ถึงพระนิพพาน
ค่อยมาต่อว่า ..
(หลวงพ่อพระราชพรหมยาน​ วัดท่าซุง)
ที่มาจาก.. ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๑๓ หน้าที่ ๑๒-๑๓