You are currently viewing *ภาวนาพระคาถาเงินล้าน*

*ภาวนาพระคาถาเงินล้าน*

       ในวาระที่ประเทศชาติของเราประสบความยากลำบาก เศรษฐกิจแทบจะขยับขยายตัวไม่ได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายภาวนาพระคาถาเงินล้านด้วยความมั่นใจจริง ๆ
อย่างที่กระผม/อาตมภาพขอไว้ก็คือ ต่ำสุดให้วันละ ๑๐๘ จบ ไม่มากนะครับ เพราะว่าตอนที่ผมทำเต็ม ๆ จริง ๆ นั้น วันละ ๓๖๐ จบนี่ทำอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ ส่วน ๔๘๐ จบ ๖๐๐ จบ ๙๐๐ จบ ๑,๒๐๐ จบ ทำอยู่แค่อย่างละ ๒ – ๓ เดือนเท่านั้น ทำเพราะอยากจะรู้ว่าจำนวนที่เหมาะสมที่สุดกับตนเองอยู่ที่เท่าไร ถ้า ๑,๒๐๐ จบนี่มักจะใช้ในช่วงออกธุดงค์ ภาวนาช้า ๆ เอาคุณภาพ มีเวลาหยุดฉันภัตตาหารประมาณ ๑๕ นาที เริ่มตั้งแต่ตี ๓ ไปเลิกเอาประมาณ ๑ ทุ่มทุกวัน เดินจงกรมจนพื้นเป็นร่องเลย..!
ดังนั้น..ทุกวันนี้ที่คนเห็นว่ากระผม/อาตมภาพรวย เป็นอานิสงส์จากการที่ทุ่มเทให้กับพระคาถาเงินล้านมาหลายปี อย่าลืมนะครับ..ว่าบรรดานักวิชาการมักจะบอกว่า เรื่องของเวทมนตร์คาถาเป็นเดรัจฉานวิชา อันนั้นใช่สำหรับนักวิชาการโง่ ๆ..! แต่โบราณาจารย์ท่านฉลาด ท่านปรับไสยศาสตร์มาเป็นพุทธศาสตร์ ก็คือ จะใช้เวทมนตร์คาถาอะไรก็ตาม ต้องไม่ทิ้งคุณพระรัตนตรัย ไม่ทิ้งคุณครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงบอกกับผมชัดเจนมากว่า “ที่ข้าสอนแกไป มีคนบอกว่าเป็นไสยศาสตร์ แต่ถ้าหากว่าแกไม่ทิ้งพระพุทธเจ้า ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไสยศาสตร์ได้”
ในเรื่องนี้ญาติโยมทั้งหลายที่ยังไม่ได้ทำ หรือว่าทำแล้วขาดความมั่นใจ ขอยืนยันว่าท่านทั้งหลายถ้าตั้งใจทำจริง โดยต่อเนื่องประมาณสัก ๒ เดือนขึ้นไปจะเริ่มเห็นผล แต่ว่าพระคาถานั้นเป็นบาทฐานของอภิญญา ต้องการคนที่จริงจังสม่ำเสมอ ทำกันแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้ง ๆ ถ้าหากว่าเราทำโดยจริงจังสม่ำเสมอ ทำทุกวัน ไม่เกิน ๒ เดือนจะต้องมีผลอย่างแน่นอน
เพียงแต่ตอนภาวนา ให้ตัดกำลังใจที่อยากรวยออกไปเสีย ก่อนทำอยากจะรวยเท่าไรก็ไม่เป็นไร แต่ตอนทำ/ตอนภาวนา..ให้เลิกคิด อยู่กับลมหายใจเข้าออกและการภาวนา ท่านก็จะได้ทั้งอานาปานสติที่เป็นกรรมฐานใหญ่ และได้ทั้งพุทธานุสติ ก็คือคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมอบพระคาถานี้ให้มา ถ้าหากว่านึกถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นพรหมเทวดาอยู่ข้างบน ก็ได้เทวตานุสติ นึกถึงหลวงปู่หลวงพ่อที่เมตตานำพระคาถานี้มาถ่ายทอดต่อก็ได้สังฆานุสติ ท่านทั้งหลายก็จะปฏิบัติธรรมที่เป็นกองกรรมฐานใหญ่หลายกองพร้อม ๆ กัน ปล่อยให้บรรดานักวิชาการเขาขยายความโง่กันต่อไป..!
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน