You are currently viewing “ทำดี หนีเคราะห์”

“ทำดี หนีเคราะห์”

“ทำดี หนีเคราะห์”
          การทำบุญสะเดาะเคราะห์ เขาต้องใช้กำลังของ “อตีตังสญาณ” ถอยหลังดูเคราะห์ว่า ไอ้เคราะห์มันมาจากไหน และทำยังไงมันถึงจะมีผล ถ้าทำกันส่งเดช เสร็จ! ดีไม่ดีไปเชิญเอาแขกมาเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูกัน (บางทีแขกก็กินหมูเหมือนกันนะ)
การทำบุญสะเดาะเคราะห์เขาถือว่าเป็นการทำให้เป็นบุญขึ้นมา ถ้าทำเรื่องการชดใช้หนี้ต้องถามเขา ไอ้เคราะห์จริง ๆ มันหนีไม่พ้นหรอก อย่างมากที่สุดได้แค่หนักเป็นเบาไปนิดเดียว เพราะคำว่า “เคราะห์” มันเกิดมาจากกรรมที่เป็นอกุศล และกรรมที่เบ็นอกุศลเราหนีได้ที่ไหน…หนีไม่ได้ สิ่งที่จะบรรเทาได้ก็สร้างกรรมที่เป็นกุศลให้มันหนักและให้มีกำลังใจสูงกว่า เหมือนหมาไล่กัดเรา เราก็ซ้อมวิ่งไว้ ถ้าเรามีกำลังมากเราวิ่งเร็วกว่า หมาตามกัดไม่ทัน
อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้คนมีศีลบริสุทธิ์ และก็มีไตรสรณาคมน์ครบ จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ อันนี้เป็นพระโสดาบัน ตอนนี้กฎของกรรมจะให้ผล แค่เรามีขันธ์ 5 ไม่สามารถจะดึงเราไปสู่อบายภูมิคือเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน อันนี้ลงไม่ได้ ถ้าเรามีขันธ์ 5 เพียงไรมันรุกรานเราได้ เว้นไว้แต่กรรมเล็กน้อย
          กรรมที่มันรุกรานเราก็เช่น ป่วยไข้ไม่สบาย มีเรื่องเดือดร้อน หมายความว่ามีอุบัติเหตุ อันนี้มันมาจากโทษปาณาติบาต
ของหาย ไฟไหม้บ้าน ลมพัดบ้าน อะไรพวกนี้ โจรปล้นบ้าน น้ำท่วม ทรัพย์สินพัง นี่เป็นกรรมมาจากโทษของอทินนาทาน
และคนในบังคับบัญชาว่าไม่ได้ เราบังคับบัญชาไม่อยู่ อันนี้ก็มาจากโทษกาเมสุมิจฉาจาร
         
           ถ้าเราพูดอะไรไม่มีใครรับฟัง พูดจริง ๆ ใครเขาก็ไม่อยากเชื่อ อันนี้โทษมาจากการดื่มสุราเมรัย ก็ทำมาก่อนแล้ว จะหนีไปไหนล่ะ ใช่ไหม กินเหล้าแล้วบอกว่า กูไม่เมา ใช้ได้ไหม ไอ้บอกไม่เมาน่ะบอกได้ แต่ลุกไม่ขึ้น…ใช่ไหม
          นี่…ไอ้กฎทั้งหลายเหล่านี้ก็คือเป็นเคราะห์ เป็นกรรมที่เป็นอกุศลเดิมที่เราสร้างมันไว้แล้วมันก็ติดตามมา ไอ้กรรมเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะตามเรามาทุก ๆ จุด กรรมบางอย่างมันตามเรามาตั้ง 1,000 ชาติมันยังไม่มีโอกาสให้ผลก็มี มันก็คอยจังหวะอยู่นั่นแหละ ถ้าจังหวะของเราเผลอเมื่อไรมันก็หวดเมื่อนั้น กรรมบางอย่างไห้ผลในปัจจุบัน กรรมบางอย่างให้ผลในชาติต่อไป กรรมบางอย่างมันให้ผล 100 ชาติ 1,000 ชาติจึงจะให้ผลได้
     
          เพราะอะไร สมมุติว่าถ้าคนนั้นทำกรรมชั่วประเภทนี้ไว้แล้ว ไปเกิดใหม่ก็ทำความชั่วใหม่ แต่ว่าตอนปลายมือกลับไปทำความดี พอจะตายจิตกลับไปนึกถึงกรรมที่เป็นกุศลก็ไปสวรรค์ก่อน ไอ้กรรมพวกนั้นก็ให้ผลไม่ได้ ก็คอยจ้องเล่นงานอยู่เท่านั้นแหละ
     
          ตัวอย่าง พระโมคคัลลานะ เศษกรรมที่ทุบพ่อทุบแม่ตายตอนนั้นติดตามคอยให้ผลมา 100 ชาติ มันให้ผลไม่ได้ ในที่สุดมาให้ผลตอนที่เป็นอรหันต์ ถูกโจรทุบ แม้แต่พระอรหันต์ยังพ้นไม่ได้แล้วคุณจะพ้นได้อย่างไรล่ะ…ใช่ไหม ไม่ใช่พระอรหันต์อย่างเดียว พระพุทธเจ้าก็ยังหนีไม่ได้แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย
คือในสมัยที่ท่านเดินจากปาวาลเจดีย์ พอไปถึงระหว่างทางระยะทาง 60 โยชน์ ท่านบอก “อานนท์ ตถาคตเหนื่อยเหลือเกิน ช่วยปูผ้าสังฆาฏิ ตถาคตจะพัก” ตอนนั้นพระอานนท์ร้องไห้ เพราะว่า…พระพุทธเจ้าเดิน 100 โยชน์ไม่เคยบ่นเหนื่อย แต่ท่านป่วยเต็มที่นะ ป่วยมานาน ป่วยก่อนปลงอายุสังขารหลายเดือน แล้วก็กลางเดือนจึงตัดสินใจว่า นับแต่นี้ไปอีก 3 เดือนเราจะนิพพานที่ระหว่างนางรังทั้งคู่ เมืองกุสินารา
         
          ตอนนั้นไม่รับยา พระชีวกโกมารภัจจ์ถวายยาท่านก็ไม่ยอมรับ พอเดินไปถึงตรงนั้นท่านจึงบอกว่า “อานนท์ ตถาคตกระหายน้ำเหลือเกิน ไปตักน้ำมาหน่อย” ก็พอดีไปถึงแม่น้ำ แม่น้ำมันตื้น เกวียน 500 เล่มข้ามไปพอดีน้ำมันก็ขุ่น พระอานนท์ก็ถือบาตรกลับมา บอกว่า น้ำขุ่นเพราะเกวียน 500 เล่มเพิ่งข้ามไป ท่านบอกพระอานนท์ให้กลับไปใหม่ พอกลับไปน้ำใสแจ๋ว แล้วท่านก็ตักน้ำมาถวายพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ทรงฉัน
       
         กฎของกรรมเดิมที่เกวียนทำให้น้ำขุ่นและน้ำใสนี่ สมัยหนึ่งท่านเป็นลูกชาวนา เวลาเขาปลดไถแล้ว พ่อแม่ก็ให้เอาควายไปกินน้ำ ใกล้ ๆ มีบ่อเล็ก ๆ 2 บ่อ เมื่อควายไปถึงปุบ มันก็จุ่มปากในบ่อที่ขุ่น ท่านก็คิดในใจว่า ควายมันเหนื่อยกินน้ำขุ่นมันไม่สมควร จึงดึงควายย้ายไปกินบ่อน้ำใส กรรมเพียงแค่นี้มันมาเล่นงานก่อนนิพพาน นี่เจตนาดีนะ ไม่ใช่เจตนาชั่ว เห็นไหม แต่อย่าลืมว่าเวลานั้นควายมันกระหายนะ น้ำขุ่นมันอาจจะอร่อยก็ได้นะ ใช่ไหม เพราะบ่อน้ำมันอยู่คู่กัน แต่ว่านิสัยคนผู้มีเมตตา สัตว์มันเหน็ดเหนื่อยถ้ากินน้ำขุ่นไม่สมควร ควรจะกินน้ำใส เห็นไหม แค่นี้มันยังเอา แล้วคุณจะให้มันหมดเคราะห์ “ทำดี หนีเคราะห์ ดีกว่านะ”
พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์ (2523),5,54-59
(ภาพนี้ หลวงพาอเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ไปเยี่ยมหลวงพ่อที่โรงพยาบาลศิริราช ก่อนกลับท่านได้สวดมนต์ให้หลวงพ่อด้วย)
Facebook : นิตยสารธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง