You are currently viewing จำเป็นไหม ต้องนั่งเพ่งพระพุทธรูป

จำเป็นไหม ต้องนั่งเพ่งพระพุทธรูป

ถาม : จำเป็นไหมครับ ต้องไปนั่งเพ่งพระพุทธรูป ?
ตอบ : ถ้าจะทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่าของเราเหมือนกับคนรวยแล้วหาเรื่องเหนื่อย คือ คนที่จะฝึกมโนมยิทธิได้ พื้นฐานเก่าต้องมีอยู่แล้ว ถ้าไปย้อนกลับทำอย่างนั้นใหม่ เสียเวลา แต่จะเรียกเสียเวลาก็ไม่ได้ เพราะเราต้องการกำลังใจที่มั่นคงขึ้น เพียงแต่ว่าตอนเราย้อนเข้าไปทำลักษณะนั้น เป็นการย้อนเข้าไปสู่ฌานสมาบัติใหม่ ถ้าตายตอนนั้นไปแค่พรหม แต่ถ้าเราเอาจิตเกาะนิพพานไว้ จะชัดไม่ชัดก็ไม่ว่า เรามั่นใจตรงนี้ใช่แน่ ถ้าตายตอนนั้นจะไปนิพพาน
ถาม : คำภาวนา สัมปจิตฉามิ กับ นะ มะ พะ ธะ ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ต่างกันที่ว่า นะ มะ พะ ธะ เป็นการฝึกมโนมยิทธิอย่างเดียว แต่ สัมปจิตฉามิ เป็นกำลังของอภิญญา
มโนมยิทธิเป็นพื้นฐานของกสิณแค่กองเดียว อาจจะเป็น อาโลกกสิณ กสิณแสงสว่างก็ได้ โอทาตกสิณ กสิณสีขาวก็ได้ เตโชกสิณ กสิณไฟก็ได้ เป็นอำนาจของกสิณกองเดียว
แต่ สัมปจิตฉามิ นี่ ถ้าหากเราทำได้คล่องตัว เราใช้อำนาจของกสิณ ๑๐ ได้ครบเลย
ดังนั้นถามว่าต่างกันไหม ? ต่างกันเยอะ ถ้าหากว่าทำได้คล่องตัวจริงๆ จะได้ชัดเจนเหมือนตาเห็นเลย
ถาม : ที่หลวงพ่อท่านให้ภาวนา นะ มะ พะ ธะ เพราะว่า ?
ตอบ : ที่ท่านให้ทำอย่างนี้เพราะว่า เป็นการทำที่ง่ายที่สุด อันนั้นเป็นพื้นฐานอภิญญา เหมือนกับเก็บเงินซื้อรถเบนซ์ เอาจักรยานได้เร็วกว่า
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นั่นของเขามีความคล่องตัวในนอดีตอยู่แล้ว อาตมาเองเคยโดนไล่เตะออกจากกลุ่มมาแล้ว คล่องตัวเกินไป แค่ครูฝึกเขาพูดคำ เรารู้ว่าทั้งประโยคคืออะไร เราชิงตอบก่อน ครูฝึกก็เอ๋อรับประทานไปด้วยซ้ำ ทำให้เขาเสียจังหวะไปหมดทั้งขบวนเลย ไปๆ มาๆ เขาก็เลยต้องเชิญตัวออกไปนอกห้อง อยู่ร่วมกับเขาไม่ได้ คือคนที่เคยทำมาแล้ว ถ้าของเก่ามีจริงๆ จะคล่องตัวขนาดนั้น ไม่ต้องไปสงสัย เขาทำมาแล้ว ของเราๆ ก็พยายามทำให้ได้อย่างเขาก็แล้วกัน
ถาม : แล้วของเราที่มาได้จี๊ดๆ ก็ต้องทำต่อไปใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้เยอะ แต่เราไม่มีความตั้งใจที่จะไปฟื้นมันจริงๆ
ถาม : ถ้าอย่างพวกผมมีได้จริงๆ ถ้าจะฟื้นนี่ก็ต้องทำบ่อยๆ
ตอบ : ต้องประเภททุ่มเทกันเลย ถามว่าทำบ่อยแค่ไหน ไม่ต้องมากหรอก วันละ ๒๔ ชั่วโมงก็พอ คือ พยายามประคับประคองใจไว้ อย่าให้รัก โลภ โกรธ หลง กินใจได้ ถ้ารัก โลภ โกรธ หลง กินใจไม่ได้ นิวรณ์ ๕ กินใจไม่ได้ สภาพจิตจะแจ่มใสเป็นปกติ นึกเมื่อไหร่ก็เห็นเมื่อนั้น นึกเมื่อไหร่ก็ไปได้เมื่อนั้น
สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ