คำสอนหลวงพ่อเรื่อง “ทรงอารมณ์พระโสดาบันให้ได้
.. พอกำลังจิตของบรรดาท่านพุทธบริษัทเข้าถึง “พระสกิทาคามีก็ดี เข้าถึงพระโสดาบันก็ดี” ตอนนี้เราก็ไม่ต้องพูดกันถึงพระอนาคามี เพราะเท่านี้มันเหลือแหล่แล้ว เหลือแหล่ตรงไหนละ
ถ้ายังนั่งอยู่ได้ ถ้าจิตหวังอารมณ์ได้อย่างนี้ พอป่วยเข้านิดเดียว “กำลังแห่งธรรมะที่ได้มาเก็บเล็กเก็บน้อยทั้งหมดมันจะรวมตัว” พอรวมตัวแล้วมันจะมีความรู้สึกขึ้นอย่างหนึ่งว่า
เวลานี้เราป่วย การป่วยนี่อาจจะตาย ตายนี่เราเอาอะไรไปไม่ได้เลย สามีที่รัก ภรรยาที่รัก บุตรธิดาที่รัก ทรัพย์สินที่รัก พ่อแม่ที่รัก ไม่มีใครเขาไปกับเรา “เราผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้ไป”
แล้วการไปคราวนี้ก็ไม่ได้ยกขันธ์ ๕ ไปด้วย ขันธ์ ๕ คือร่างกายมันต้องสลายตัว แล้วถ้าหากว่าเราจะต้องพอใจในความเกิดต่อไป มันก็มีความทุกข์อย่างนี้ “เราจะมีความปรารถนาเพื่อความเกิดเพื่อประโยชน์อะไร”
กำลังใจมันจะมีความรู้สึกอยู่สองอย่าง อารมณ์อย่างหนึ่งมันจะวางเฉยๆ “เอ…มันจะตายก็ช่าง ฉันไม่สนใจ ร่างกายไม่มีความหมาย” นี่อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็จะคิดว่า “เอาถ้าตายคราวนี้ฉันไปนิพพาน “
อารมณ์สองประการนี้มีผลเสมอกัน คือไปนิพพานเหมือนกันหมด นี่ตอนนั้นนะ อาตมาคิดว่าถ้าจิตใจของท่านจับอยู่แค่นี้ เวลาตายไปนิพพานทุกคน เพราะกำลังมันเข้มแข็งนะ
เพราะถ้าขึ้นต้นพระโสดาบันได้แล้ว เราก็พูดถึงอรหันต์หรือนิพพานกันปกติ จุดนั้นมันเอาแน่ คือมันเกาะไม่ปล่อย แล้วเวลาที่ป่วยไข้ไม่สบายนี่กรรมที่เป็นกุศลทั้งหมดมันจะรวมตัวทั้งหมด กำลังจะสูงมาก ..
(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
ที่มาจาก.. ธัมมวิโมกข์ เล่มที่ ๔๓๒ หน้าที่ ๔๖