คนที่จะได้มรรคได้ผล บุญจะรักษาให้ได้พบพระดี
“ฉะนั้นเมื่อเรามาพบครูบาอาจารย์ คือหลวงพ่อของเรา อย่างนี้ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้ภูมิใจเลยว่า สมแล้วไม่เสียชาติในการเกิดมาในชาตินี้ คือ พบพระแท้ พระที่สามารถจะสอนให้เราพ้นทุกข์จากวัฏฏะได้
อันที่จริงพระในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเรา ก็มีมาก เป็นพระผู้ที่ประเสริฐ สามารถจะให้เราพ้นทุกข์ได้เหมือนกัน แต่เราก็มีความศรัทธาเคารพในคำสอนที่ท่านสอนเรา เช่นหลวงพ่อได้แนะนำเราไว้ทุกอย่าง…โดยไม่ปิดบัง
ท่านทั้งหลาย มีอยู่คราวหนึ่งท่านพูดไว้ว่า คนเราจะลงมาเกิดจากเทวดา จากพรหมนั้น จะเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีหวังมรรคหวังผล เกิดเพื่อความพ้นทุกข์จากวัฏฏะ เมื่อท่านทั้งหลายเกิดมาพบพระในพุทธศาสนา คนที่จะได้มรรคได้ผลนี่ บุญจะรักษาให้ได้พบพระดี
สำหรับท่านเอง(คือหลวงพ่อ) สมัยก่อนพอท่านบวชมา จริงๆ พระก็เยอะแต่มีความพอใจในหลวงปู่ปาน เมื่อท่านจะบวชก็มีคู่สวดพร้อมอุปัชฌาย์ที่เป็นพระอรหันต์ คือ อุปัชฌาย์อยู่วัดบ้านแพน เป็นพระอรหันต์ เป็นอุปัชฌาย์ เป็นผู้สั่งสอนให้
เมื่ออยู่กับหลวงปู่ปาน หลวงปู่ปานก็พุทธภูมิเต็ม ก็สอนทั้งสมถะ วิปัสสนา และให้ไปหาอาจารย์ที่เป็นพระอริยะเจ้า ให้ไปเรียนกับหลวงพ่อโหน่ง หลวงพ่อเนียมท่านก็พอใจ เมื่อท่านเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ก็มาพบสมเด็จพุฒาจารย์ วัดอนงคาราม ท่านก็เป็นพระอรหันต์ ก็มีความพอใจ
ฉะนั้นท่านจึงสรุปว่า คนเราน่ะต้องการมรรคต้องการผล ในการปฏิบัติความดีแล้วนี่ จะพอใจอาจารย์ที่มีมรรคที่มีผลทั้งสิ้น สำหรับท่าน(หลวงพ่อ)จะพอใจเฉพาะพระที่มีมรรคมีผล พระที่ไม่มีมรรคมีผล เป็นหมื่นเป็นแสนก็ยังไม่พอใจ จิตมันไม่ยอม จิตมันจะพอใจเฉพาะพระที่มีมรรคมีผล”
อารัมภกถาของ หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
คัดลอกมาตอนหนึ่งจาก หนังสือประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อวัดท่าซุง) หน้า ๖๗-๖๘