การกราบพระให้ถูกต้อง
ธรรมะโอวาทหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง
นั่นก็คือเวลาที่เรากราบว่าทุกครั้งนี้ หรือไหว้พระทุกครั้ง
จิตจะต้องเห็นพระพุทธเจ้าอยู่เป็นปกติ แล้วกล่าวว่า
“อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ”
นั่นหมายถึงว่าเรากราบพระพุทธเจ้าถ้าเวลาจิตที่กราบความจริงเราอาจนั่งอยู่หน้าพระพุทธรูป หรือว่าที่เรากราบไม่มีพระพุทธรุปก็ตามแต่ว่าจิตของเราถ้าได้มโนมยิทธิต้องส่งจิตขึ้นไปที่นิพพาน กายมันอยู่ที่นี่ แต่ให้ใจมันอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าที่พระนิพพาน แล้วกราบลงไปต่อหน้าต่อพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่เขาเรียกว่า
กราบถึงพระ
กราบครั้งที่สอง ที่เรียกกันว่า “กราบพระธรรม” เป็นคำสอนของท่านหลวงพ่อปานก็ดี อาจารย์ทั้งอีก ๑๐ องค์ของ
อาตมาก็ดี สอนเหมือนกันหมด เพราะอีก ๑๐ องค์ เป็น
พระอรหันต์ หลวงพ่อปานเป็น พระโพธิสัตว์
ท่านบอกว่า เวลากราบพระธรรม ให้จิตคิดกำหนดไว้ว่า เมื่อ กราบลงไปแล้วเห็นเป็น”ดอกมะลิแก้ว” ไหลออก จากพระโอษฐ์ของพระองค์ลงมาบนเศียรเกล้าของเรา
พระธรรมให้ตั้งเป็นนิมิต ให้เหมือนกับ “ดอกมะลิแก้ว”
ที่ใสสะอาด เป็นความแพรวพราว ไหลออกจากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงบนเศียรของเรา
เนี่ยแล้วก็เวลา “กราบพระอริยสงฆ์” ตอนนี้พระพุทธเจ้าทรงเสด็จอยู่ที่ไหน ที่นั่นย่อมไม่ว่างพระอริยสงฆ์ เวลาที่จะกราบลงไป ครั้งที่ ๓ ก็ตั้งใจเห็นพระอริยสงฆ์ ซึ่งมีพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร เป็นต้น
และ กราบครั้งที่ ๓ ก็คิดว่า เรากราบลงไปข้างหน้าของท่านทั้งสองหรือพระองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททำเป็นปกติ เป็นกิจประจำวัน เวลากราบพระทีไรเห็นสภาพแบบนี้
นึกถึงพระขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราเห็นที่นิพพาน ให้มันจับใจเราอยู่เสมอเป็นปกติ
รวมความว่าหายใจเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็แล้วต้องมีจิตคิดไว้เสมอว่า เราไม่ต้องการอะไรทั้งหมด ตัดอารมณ์ย่อๆองค์สมเด็จพระบรมสุคตคือพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน เวลาเราตายแล้วเราขอไปที่นั่น เราขออยู่กับท่าน
ถ้าท่านมีอารมณ์คิดไว้อย่างนี้เป็นปกติถ้ามันตายเมื่อไรเราก็ไปนิพพานเมื่อนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกท่าน ทำตามนี้นะ
จากหนังสือ หลวงพ่อเล่าให่ฟัง เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๘๕ โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน